อาทิตย์. พ.ย. 24th, 2024

ก่อนที่จะผมจะศึกษาหรือพึงพอใจในเรื่องจิตวิเคราะห์ ทัศนคติ เป็นจริงเป็นจัง ผมก็เป็นแค่คนหนึ่งที่ชอบสังเกต รวมทั้งเป็นคนที่มีความตึงเครียด (หนักๆ) อยู่เช่นเดียวกัน แม้จะน้อยครั้ง แต่ว่านิสัยที่ไม่ค่อยหารือใครกันแน่ ถูกใจแอบคิดหาทางออกผู้เดียวเป็นประจำจนถึงบางเวลามันใช้เวลาหลายวัน นับว่าทำให้สุขภาพทางจิตแย่ไปตอนหนึ่งได้ จนกระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่กำลังเดินจ่ายตลาดเรื่อยเปื่อยอยู่ในห้างฯ แต่ว่าในหัวก็กำลังพิจารณาครุ่นคิด เครียดกับปัญหาที่ยังคิดไม่ตก ก็ได้ผ่านหน้าโรงภาพยนต์แห่งหนึ่ง กำเนิดอะไรดลบันดาลบางสิ่งให้ซื้อตั๋วหนังเข้าไปดูผู้เดียวด้วยอารมณ์กำกวมๆกับตนเอง

หนังประเด็นนั้นมิได้ให้คำตอบอะไรกับสิ่งที่กำลังคิด หรือเครียดอยู่(จำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร) แต่มันเปลี่ยนเป็นว่าเพียงพอหนังจบ ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างดูหมิ่นลง เท่าที่นึกออกในช่วงเวลานั้นเหมือนจะปล่อยวางอะไรบางอย่างลงไป รู้สึกศึกษาและทำการค้นพบทางออกโดยบังเอิญ จากวันนั้นเมื่อใดรู้สึกเครียด ก็เลยใช้แนวทางลักษณะนี้เรื่อยมา หรือคิดอะไรไม่ออก ก็หยุดหาหนังมอง ทว่าสิ่งหนึ่งที่ผมอาจไม่เหมือนกันเป็น เวลาดูหนัง จำนวนมากจะเป็นคนค่อนข้างจะตั้งใจมอง และก็ชอบหยุดพึงพอใจเรื่องอื่นๆไปเลย แล้วพอใจ (Focus) แม้กระนั้นหนังที่มองนั้น

เมื่อเครียดที่สุด เพราะอะไรจำเป็นต้องดูหนัง?

หากดูแบบเข้าใจในขณะนี้ มันก็ไม่ต่างกับการคิดแบบง่ายๆโดยที่ไม่ต้องใช้แนวทางอะไรเลยคือ การที่พวกเราได้หยุดจากอะไรก็แล้วแต่ มันก็ราวกับการได้พัก เมื่อได้พักมันก็จะเกิดแรงที่ดีกว่าเดิม ไม่เว้นแม้แต่สมอง ความคิด จิตใจ ดังนี้จะกล่าวว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเป็นการดูหนังก็ได้ ก็แค่การดูหนังมันมีรายละเอียดข้อดีอยู่ (เว้นเสียแต่ ว่าเป็นคนรังเกียจดูหนัง) อย่างเช่น ถ้าเปรียบกับการฟังเพลง การฟังเพลงนั้นใช้เพียงประสาทหู ยิ่งเพลงที่ฟังบ่อยๆพวกเราอาจเคยชินจนกระทั่งไม่ได้ฟังมันจริงๆโน่นย่อมได้โอกาสให้ความคิดวนกลับไปเรื่องเดิมๆหรือเพลงบางเพลง มีเนื้อหาไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น ยกตัวอย่างคนกำลังเครียดเพราะว่าอกหัก ยิ่งฟังเพลงอกหัก ก็ยิ่งตอกตัวเองให้จมไปในที่เดิมเป็นต้น แม้กระนั้นกับหนังหรือภาพยนตร์เราใช้ทั้งตาดู หูฟัง ร่างกายได้พัก สิ่งแวดล้อมย่อมต้องอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ไม่มีอะไรรบกวน และก็ยิ่งเป็นหนังที่คิดติดตามไปกับเรื่องทำให้เราลืมเรื่องอื่นๆไปได้ชั่วคราวอย่างดีเยี่ยม